เรื่องของฟ้าฝนเป็นเรื่องธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงได้ยากและจำเป็นต้องเจออยู่ตลอด เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนนอกจากที่จะต้องดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองแล้ว ในเรื่องของการดูแลรถหน้าฝนก็เป็นสิ่งที่ควรทำด้วยเช่นกัน เพราะน้ำฝนที่โดนรถยนต์ของเรานั้นส่งผลเสียต่อรถมากกว่าที่คิด หากว่ารถไม่ได้รับการดูแลอย่างดีในหน้าฝน ก็อาจจะส่งผลให้อายุการใช้งานของรถนั้นน้อยลงก็เป็นไปได้
รวม 6 วิธีดูแลรถหน้าฝนให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ดูแลรถหน้าฝน สิ่งที่คนรักรถควรให้ความสำคัญและไม่มองข้าม เพราะฝนส่งกระทบต่อรถมากกว่าที่คิด จึงควรดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
วิธีดูแลรถหน้าฝนให้พร้อมใช้งาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การดูแลรถหน้าฝนเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ และไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เนื่องจากว่าหากรถสกปรกก็จะถูกชะล้างด้วยน้ำฝนให้หายไปได้เอง จึงทำให้ไม่ใส่ใจกับการดูแลรถมากนัก ความจริงแล้วความเชื่อเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะน้ำฝนมีความเป็นกรดทำให้ส่งผลต่อตัวรถได้โดยตรงและสามารถสร้างความเสียหายหลายอย่างกับตัวรถที่คาดไม่ถึงเลย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าฝนก็ต้องดูแลรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
1. รีบล้างรถหลังลุยฝน
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าในช่วงหน้าฝนเองการดูแลรถเป็นสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน โดยเฉพาะการล้างรถเพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออกจากตัวรถ ทั้งน้ำฝนและคราบต่าง ๆ ซึ่งหลังจากที่รถผ่านการลุยฝนแล้วก็ควรที่จะรีบล้างทันที โดยจะต้องเป็นการล้างอย่างถูกวิธี นอกจากนั้นก็ควรที่จะใช้น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ร่วมกันด้วย เพื่อเป็นการช่วยให้รถสะอาดและป้องกันไม่ให้คราบทั้งหลายติดอยู่กับตัวรถมากเกินไป ที่สำคัญการเคลือบสีรถยังช่วยให้ทำความสะอาดง่ายมากขึ้นด้วย
2. เลี่ยงการจอดรถใต้ต้นไม้
การดูแลรถหน้าฝนไม่เพียงแค่จะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการล้างรถเท่านั้น แต่ในเรื่องของการจอดรถเองก็ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในหน้าในที่ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้ เนื่องจากว่าช่วงหน้าฝนมีโอกาสสูงมากที่จะมีกิ่งไม้ร่วงหล่นใส่รถได้ง่าย สิ่งที่จะตามเมื่อกิ่งไม้หล่นใส่ก็คงหนีไม่พ้นรอยขีดข่วนที่จะตามมาแน่นอน ที่สำคัญหากยิ่งไม้ที่หล่นใส่รถมีขนาดใหญ่ ก็จะส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถได้มากขึ้นด้วย ดังนั้นทางที่ดีหากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไปเลยดีกว่า
3. เช็กใบปัดน้ำฝน
ใบปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์ของรถที่มีความสำคัญมาก ๆ ในช่วงหน้าฝน เนื่องจากว่าจะต้องเป็นอุปกรณ์หลักในการช่วยให้สามารถมองเห็นทางได้แม้จะขับรถกลางสายฝนก็ตาม อย่างไรก็ตามใบปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไปเรื่อย ๆ ประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนจะน้อยลง และยางจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพไป เมื่อฝนตกก็จะทำให้ไม่สามารถช่วยให้มองเห็นทางได้ซึ่งอันตรายมาก ๆ และยังก่อให้เกิดคราบบนกระจกรถด้วย ดังนั้นจึงควรที่จะต้องเช็กใบปัดน้ำฝนบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดคราบ
4. ตรวจสอบระบบเบรกให้ดี
ในช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่การขับรถค่อนข้างมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ง่ายมากที่สุด จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและเช็กรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เบรกก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ดี เพราะเมื่อฝนตกถนนก็จะลื่นมาก ๆ หากเบรกไม่ดีหรือระบบเบรกของรถเสื่อมสภาพแล้ว ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรที่จะใส่ใจและเช็กระบบเบรกอยู่เสมอว่ามีการสึกหรอแล้วหรือยัง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะตามมาในการเดินทางช่วงหน้าฝน
5. เช็กลมยางและลักษณะของยางรถยนต์
นอกจากที่จะต้องหมั่นเช็กระบบเบรกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาดก็คือ การเช็กลมยางและลักษณะของยางรถยนต์ เพราะยางเป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับถนนอยู่ตลอดเมื่อรถวิ่ง หากยางเสื่อมหรือมีลมยางน้อยก็จะส่งผลกระทบต่อการขับขี่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าในที่ถนนลื่นมาก ๆ ด้วยแล้วยิ่งอันตราย ก่อนออกเดินทางในช่วงหน้าฝนจึงควรหมั่นเช็กลมยางและลักษณะของยางรถยนต์อยู่เสมอ เพื่อที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ยางสามารถยึดเกาะผิวถนนได้ดีมากยิ่งขึ้น
6. เช็กระบบไฟรถยนต์ให้พร้อม
การขับรถในช่วงหน้าฝนนั้นมีความอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืนที่ในฝนตกยิ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมากขึ้นไปอีก เนื่องจากว่ามองไม่เห็นทาง โดยสิ่งที่จะช่วยให้มองเห็นทางในช่วงกลางคืนได้ก็หนีไม่พ้นไฟ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรหมั่นเช็กระบบไฟรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และยังเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถคันอื่น ๆ ที่ร่วมถนนด้วย
สรุปเรื่องดูแลรถหน้าฝน
หลายคนอาจมองข้ามการดูแลรถในช่วงหน้าฝนไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะนอกจากอาจจะทำให้ผลกระทบต่อตัวรถได้แล้ว ยังทำให้มีความเสี่ยงในการเดินทางช่วงหน้าฝนด้วย อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดการขับขี่ที่ปลอดภัยในช่วงหน้าฝนมากขึ้น ก็ควรให้ความใส่ใจกับการดูแลและรักษารถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้ใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นนั่นเอง