เบาะผ้า vs เบาะหนังรถยนต์ แตกต่างกันอย่างไร?

นอกจากการพิจารณายี่ห้อ สมรรถนะของเครื่องยนต์ ราคา หรือความสวยงามของดีไซน์ภายนอก จะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อเลือกซื้อรถยนต์สักคัน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ความสวยงามของดีไซน์ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ เพราะโดยส่วนใหญ่เรามักจะใช้เวลาอยู่ภายในห้องโดยสารเป็นหลัก และแน่นอนว่าชิ้นส่วนในห้องโดยสารที่เราต้องใช้งานตลอดเวลาก็คือ “เบาะรถยนต์” ซึ่งเป็นส่วนที่มอบความสะดวกสบายเมื่อเราโดยสารในรถยนต์ ดังนั้นนอกจากการคำนึงถึงความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความทนทานในการใช้งานระยะยาวอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถเห็นวัสดุเบาะรถยนต์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งเบาะผ้า และเบาะหนังรถยนต์ และสำหรับคนที่ยังไม่ทราบถึงความแตกต่างของวัสดุทั้ง 2 ประเภท รวมถึงกำลังลังเลว่า จะเลือกเบาะผ้าหรือเบาะหนังรถยนต์ดี ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ TPS The Perfect Shine จะพาคุณมาทำความรู้จักกับเบาะรถยนต์ทั้ง 2 ประเภทเอง จะมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์แก่คุณ ไปดูกันเลย

ทำความรู้จักเบาะหนังรถยนต์ คืออะไร?

เบาะหนังคือ เบาะรถยนต์ที่ผลิตจากหนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย หนังแกะ ซึ่งจะต้องนำไปผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนเพื่อนำมาผลิตเป็นเบาะรถยนต์ เช่น การฟอกสี การซักฟอกเพื่อกำจัดกลิ่น การตัดเย็บ เป็นต้น โดยเบาะหนังรถยนต์จะให้ความหรูหรา  สวยงาม และมีความนุ่มเป็นพิเศษ

ประเภทของเบาะหนังรถยนต์

โดยทั่วไปแล้ว เบาะหนังรถยนต์จะสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ เบาะหนังแท้ เบาะหนังเทียมแบบ PVC และเบาะหนังเทียมแบบ PU โดยมีความแตกต่างกันดังนี้

• เบาะหนังแท้ เป็นเบาะที่ต้องผ่านกรรมวิธีฟอกสี และการซักฟอก เพื่อกำจัดกลิ่นต่าง ๆ และทำให้หนังมีความนุ่ม ซึ่งแบรนด์รถยนต์ไฮเอนด์ส่วนใหญ่มักจะเลือกไปใช้งาน เนื่องจากให้ความรู้สึกหรูหรา สวยงาม และดูสะดุดตา 
• เบาะหนังเทียมแบบ PVC เป็นเบาะที่ผลิตจากเนื้อพลาสติก Polyvinyl Chloride ที่ผ่านการฟอก ย้อม แล้วนำมาตัดเย็บเข้ากับใยผ้า ทำให้มีความนุ่มในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เทียบเท่ากับหนังแท้
• เบาะหนังเทียมแบบ PU เป็นเบาะที่ผลิตจากหนังเทียมสังเคราะห์ ที่สร้างขึ้นจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยจะมีความคล้ายคลึงกับเบาะหนังแท้มากกว่าเบาะหนัง PVC นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอีกด้วย

ข้อดี – ข้อเสียของเบาะหนัง

เมื่อได้ทำความรู้จักกันไปแล้วว่า เบาะหนังคืออะไร รวมถึงความแตกต่างของเบาะหนังแต่ละประเภท อันดับต่อไปก็ต้องไปดูว่า เบาะหนังมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง

ข้อดีของการเลือกใช้เบาะหนังรถยนต์

1. ดีไซน์และการตัดเย็บให้ความรู้สึกหรูหรา มีสไตล์ ดูภูมิฐาน นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องความเงางาม ทำให้ห้องโดยสารดูน่านั่ง
2. ไม่สะสมฝุ่น ไม่ดูดซับน้ำและกลิ่นไม่พึงประสงค์เหมือนเบาะผ้า
3. สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำยาคาร์แคร์
4. มีความนุ่มเป็นพิเศษ ทำให้นั่งสบาย
5. หนังแท้มีอายุการใช้งานยาวนาน หากหมั่นดูแลและทำความสะอาดอยู่เสมอ

ข้อเสียของการเลือกใช้เบาะหนังรถยนต์

1. เบาะหนังมีราคาสูงกว่าเบาะผ้า
2. ต้องใช้น้ำยาเคลือบเงาสำหรับเบาะหนังหลังจากทำความสะอาดทุกครั้ง ทำให้สิ้นเปลืองค่าน้ำยา
3. หากไม่ได้ทำความสะอาดเบาะหนังด้วยตัวเอง จะต้องจ่ายค่าทำความสะอาดเบาะหนังค่อนข้างสูง
4. หนังหุ้มเบาะมักจะแตกลายงาเมื่อโดนความร้อนเป็นประจำ โดยเฉพาะหนังเทียม 
5. ดูดซับความร้อนสูง ทำให้ไม่เหมาะกับการจอดในที่แจ้งเป็นเวลานาน ๆ เพราะนอกจากจะทำให้หนังแตกลายงาแล้ว ยังทำให้สีเบาะซีดเร็ว ดูไม่สวยงามอีกด้วย 
6. เบาะหนังมักจะมีความลื่น ทำให้ตัวอาจจะไหลเวลาเข้าโค้งได้

ทำความรู้จักเบาะผ้ารถยนต์ คืออะไร

เบาะผ้าคือ เบาะรถยนต์ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อยในรถยนต์หลายรุ่น ซึ่งเบาะผ้าจะมีราคาไม่สูงมากเนื่องจากหาวัสดุมาตัดเย็บได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดหรือลูกเล่นให้เลือกหลากหลาย โดยเบาะผ้าจะมีความนุ่มสบาย และไม่อมความร้อน เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

ประเภทของเบาะผ้า

เบาะผ้าที่มักจะได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อย มีทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ เบาะผ้าสังเคราะห์ เบาะผ้ากำมะหยี่ และเบาะอาคันทาร่า โดยมีความแตกต่างกันดังนี้

• เบาะผ้าสังเคราะห์ เป็นเบาะที่มีต้นทุนในการผลิตไม่สูง ทำให้ราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีลวดลายและสีสันให้เลือกหลากหลาย รวมถึงสามารถออกแบบได้หลากหลายสไตล์ 
• เบาะผ้ากำมะหยี่ เป็นเบาะที่หลาย ๆ แบรนด​์นิยมนำมาใช้ และได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากผ้ากำมะหยี่จะให้ลุคที่ดูสปอร์ต แต่ยังดูหรูหรา มีสไตล์ ที่สำคัญคือ สามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้นั่งสบายไม่อึดอัด นอกจากนี้ยังไม่ไหลลื่นเมื่อเข้าโค้งอีกด้วย

เบาะอาคันทาร่า คือชื่อแบรนด์ที่ผลิตและคิดค้นวัสดุนี้ขึ้นเพื่อทดแทนหนังกลับ โดยจะเป็นเบาะที่มีส่วนผสมของ Polyester ประมาณ 68% และ Polyurethane ประมาณ 32% ซึ่งวัสดุประเภทนี้จะไม่อมความร้อน และไม่ไหลลื่นเมื่อเข้าโค้งแรง ๆ นอกจากนี้ยังไม่ติดไฟ และมีความยืดหยุ่นสูงมาก

ข้อดี-ข้อเสียของเบาะผ้า

สำหรับคนที่เทใจมาให้เบาะผ้า ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจไป มาดูข้อดี-ข้อเสียของเบาะผ้าและนำไปเปรียบเทียบกับเบาะหนังให้ถี่ถ้วนก่อนดีกว่า

ข้อดีของการเลือกใช้เบาะผ้า

1. มีความนุ่มสบาย เข้ากับสรีระได้ดีกว่าเบาะหนัง
2. มีลวดลาย สีสัน และการออกแบบให้เลือกหลากหลาย
3. ราคาไม่สูงมาก ช่วยประหยัดงบในการแต่งรถ
4. ไม่อมความร้อน และสามารถระบายความร้อนได้ดี ทำให้นั่งสบาย ไม่อึดอัด
5. เบาะผ้าสามารถคงสภาพเดิมได้ดีกว่าเบาะหนัง 
6. ไม่ไหลลื่นเมื่อเข้าโค้งแรง ๆ

ข้อเสียของการเลือกใช้เบาะผ้า

1. ทำความสะอาดได้ยาก และบางจุดหรือคราบบางอย่างก็ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด 
2. เก็บสะสมฝุ่น กลิ่นอับ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าเบาะหนัง 
3. ต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดคราบสกปรกที่ทำความสะอาดยาก
4. ต้องหมั่นดูดฝุ่น และใช้น้ำยาทำความสะอาดเป็นประจำ
5. มักจะเกิดไฟฟ้าสถิตจากการเสียดสีของเครื่องแต่งกายกับเบาะ

เบาะผ้า VS เบาะหนังรถยนต์ เลือกแบบไหนดี

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงจะมีคำตอบอยู่ในใจกันบ้างแล้วว่าจะเลือกเบาะแบบไหนดี แน่นอนว่า เบาะแต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรนำข้อดี-ข้อเสียเหล่านี้มาพิจารณาควบคู่ไปกับลักษณะการใช้งาน ความชอบ และความต้องการของคุณเอง เช่น หากต้องการความนุ่มสบายขณะขับขี่ และต้องขับรถเป็นเวลานาน การเลือกเบาะผ้าก็จะเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการความหรูหรา รวมถึงไม่ต้องการให้เบาะเป็นที่สะสมของฝุ่นและกลิ่นอับ เบาะหนังก็จะตอบโจทย์มากกว่า

นอกจากนี้ก็ควรจะนำดีไซน์ของห้องโดยสารมาพิจารณาควบคู่ไปด้วยว่าควรเลือกเบาะแบบใด เช่น หากดีไซน์ของรถยนต์มีความหรูหราก็ควรจะเลือกใช้เบาะหนังที่ดูภูมิฐาน มีสไตล์ แต่หากเป็นห้องโดยสารที่มีความสปอร์ต หรือเน้นความเรียบง่ายก็ให้เลือกเบาะผ้าที่ดูเท่ สปอร์ต และเรียบง่าย สุดท้ายนี้ อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ งบประมาณที่ต้องใช้ในการดูแลรักษาแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำยา หรือค่าทำความสะอาดต่าง ๆ เพราะหากคุณไม่ได้ดูแลให้ดี เบาะหนังก็จะเสื่อมสภาพเร็ว

ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเบาะผ้า และเบาะหนังรถยนต์ที่ TPS The Perfect Shine ได้รวบรวมมาแนะนำกันไปแล้ว ก็อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือกเบาะที่ตรงใจและตอบโจทย์มาใช้งาน นอกจากนี้ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการศึกษาวิธีการดูแลที่เหมาะสมของเบาะแต่ละประเภท เพื่อยืดอายุการใช้งานไปนาน ๆ