การดูแลรถยนต์ไม่ให้มีรอยขีดข่วน และดูใหม่อยู่เสมอ เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนให้ความใส่ใจกันอย่างแน่นอน ทำให้การสร้างเกราะป้องกันสีและพื้นผิวของรถยนต์จากสิ่งสกปรก รอยขีดข่วน หรือสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ อย่างการ Wrap ใส กับเคลือบแก้ว จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับเจ้าของรถได้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยคุณสมบัติในการสร้างเกราะป้องกันสีและพื้นผิวที่เหมือนกันของทั้ง 2 อย่างนี้ ทำให้หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า แล้วการ Wrap ใส กับเคลือบแก้วมีความแตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดีกว่ากัน แน่นอนว่าในวันนี้ TPS The Perfect Shine จะนำข้อมูลมาเล่าให้คุณฟังเอง ใครที่อยากดูแลรถให้ดูสวยเงางาม เหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาต้องห้ามพลาด!
ทำความรู้จัก Wrap ใส กับเคลือบแก้ว
ในปัจจุบันมีวิธีดูแลรักษารถยนต์หลากหลายวิธีให้เจ้าของรถเลือกใช้ ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ การ Wrap ใส กับเคลือบแก้ว โดยวิธีดูแลรักษารถยนต์ทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกัน ดังนี้
การ Wrap ใส คืออะไร?
การ Wrap ใส หรือการติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ คือการติดฟิล์มที่มีความโปร่งแสง มีความเหนียวและยืดหยุ่นสูง รวมถึงมีความหนาในระดับหนึ่ง ทำให้สามารถปกป้องสีของรถยนต์ไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนจากเศษก้อนหิน หรือตะปูที่กระเด็นใส่ รวมถึงรอยเล็บของน้องหมาน้องแมวที่เลี้ยงไว้ได้ นอกจากนี้ฟิล์มกันรอยบางประเภทยังสามารถป้องกันรอยจากการเฉี่ยวชนที่ไม่รุนแรงได้อีกด้วย
การเคลือบแก้ว คืออะไร?
การเคลือบแก้วรถยนต์ (Glass Coating) คือ การเคลือบชั้นผิวของสีรถยนต์ ด้วยน้ำยาเคลือบที่มีส่วนผสมของซิลิกา (Silica) ที่เปรียบเสมือนฟิล์มแก้วบาง ๆ มาเคลือบบนพื้นผิวรถยนต์เพื่อเพิ่มความหนาของชั้นผิวให้มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถปกป้องรักษาสี และพื้นผิวรถยนต์ให้คงสภาพเงางาม ดูเหมือนใหม่เอาไว้ได้ นอกจากนี้การเคลือบแก้วยังเป็นเกราะป้องกันอีกชั้น ทำให้สามารถป้องกันรอยขีดข่วนในระดับบาง ๆ ได้อีกด้วย
ข้อดี-ข้อเสียของการ Wrap ใส กับเคลือบแก้ว
ได้ทำความรู้จักกับการ Wrap ใส กับเคลือบแก้วกันไปแล้ว อันดับต่อไปก็ต้องมาดูข้อดี-ข้อเสียของวิธีดูแลรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และจำเป็นในการพิจารณาเพื่อเลือกวิธีดูแลรถยนต์ที่เหมาะกับรถของคุณ
ข้อดีของการ Wrap ใส
- ปกป้องตัวรถจากสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น คราบน้ำต่าง ๆ คราบแมลง และสามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย
- ป้องกันการเกิดรอยจากการเฉี่ยวชนที่ไม่รุนแรงมาก
- ช่วยให้สีรถไม่หมอง เพราะสามารถป้องกันแดดและรังสี UV ได้
- ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง
- ป้องกันรอยขีดข่วนจากเศษก้อนหิน ก้อนกรวด หรือตะปู ที่กระเด็นใส่ขณะขับขี่
ข้อเสียของการ Wrap ใส
- Wrap ใส มีระยะการใช้งานประมาณ 5-10 ปี และเมื่อถึงอายุการใช้งานก็อาจจะทำให้ฟิล์มหรือ Wrap ใสเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้
- หาก Wrap ใส หรือฟิล์มกันรอยที่เลือกมีคุณภาพต่ำ กาวฟิล์มจะดึงสีของตัวรถให้เสียหายได้ เมื่อลอกหรือเปลี่ยนฟิล์ม
- ราคา Wrap ใส ค่อนข้างสูงกว่าการเคลือบแก้วทั่วไป
- มีขั้นตอนการติดตั้งค่อนข้างยาก และต้องใช้เวลานานพอสมควร
ข้อดีของการเคลือบแก้ว
- ปกป้องสีรถจากรังสียูวี ฝนกรด ขี้นก และ ยางมะตอย
- ลดการเกิดรอยขีดข่วน และให้ความคงทนสูง
- สีผิวรถมีความสว่างใส เงางาม และเรียบลื่น
- ลดการเกาะตัวของ ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และน้ำ
- สามารถดูแลและทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดบนตัวรถได้อย่างง่ายดาย
ข้อเสียของการเคลือบแก้ว
- หากเปรียบเทียบการ Wrap ใส กับเคลือบแก้ว การเคลือบแก้วถือว่ามีความทนทานน้อยกว่าการ Wrap ใสอยู่พอสมควร
- หากเกิดการกระแทกรุนแรง หรือรอยขีดข่วนหนัก ๆ อาจทำให้พื้นผิวเคลือบแก้วหรือสีรถหลุดออกมาได้
- ต้องหมั่นไปเคลือบแก้วอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อให้ชั้นเคลือบแก้วหนาขึ้น และดูเงางามอยู่เสมอ
Wrap ใส กับเคลือบแก้ว เลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับรถคุณ?
Wrap ใส กับเคลือบแก้ว ถือเป็นวิธีดูแลรถยนต์ที่มีทั้งข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ทำให้สิ่งที่สามารถนำมาใช้ในการเลือกว่าวิธีดูแลรถยนต์แบบไหนดีกว่ากัน ก็คงจะต้องพิจารณาจากไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณ โดยหากคุณมีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการให้รถดูเงางามอยู่เสมอ การเคลือบแก้วก็ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด แต่ถ้าหากคุณต้องการจะป้องกันรอยขีด ข่วนและลดความเสียหายจากการใช้งาน การติดฟิล์มกันรอยก็น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะที่สุด ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกก็อย่าลืมพิจารณาจากไลฟ์สไตล์ให้ดีเสียก่อน
ได้ทำความรู้จักWrap ใส กับเคลือบแก้วกันไปพอสมควรแล้ว หากคุณกำลังหาวิธีดูแลรถยนต์ให้ดูใหม่อยู่เสมอ และช่วยป้องกันรอยขีดข่วน หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ ก็สามารถนำทั้ง 2 วิธีนี้ไปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย เพื่อเลือกวิธีที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณได้เลย ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาศูนย์บริการที่มีทั้งการติดฟิล์มกันรอย และการเคลือบแก้ว TPS The Perfect Shine ก็พร้อมให้บริการ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการ Wrap ใส กับเคลือบแก้ว เพื่อให้คุณปกป้องรถได้ดีและตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด